สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัด สมุทรสงคราม
ชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน :
See Fireflies at night
กิจกรรมยอดนิยม! ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย เป็นชื่อเรียกแมลงปีกแข็ง
ทั่วทั้งโลกมีทิ้งถ่วงประมาณ 2,000
ชนิด
นับว่าเป็นแมลงที่มีคุณลักษณะพิเศษ
คือสามารถบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์และสมดุลของธรรมชาติได้ อีกทั้งยังมีมีแสงเรือง
ๆ ที่ก้น ด้วยเหตุนี้นักท่องเที่ยวที่มายังจังหวัดสมุทรสงคราม
จึงนิยมล่องเรือไปตามแหล่งธรรมชาติริมน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ เช่น
ต้นลำพูที่อยู่ตามริมแม่น้ำ เพื่อดูแสงไฟของเจ้าแมลงหิ่งห้อยเหล่านี้
นับว่าเป็นกิจกรรมที่พลาดไม่ได้จริง ๆ ท่านสามารถไปล่องเรือชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืนได้
โดยขึ้นเรือจากท่าเรือที่ตลาดน้ำอัมพวา ค่าบริการท่านละ 60-80 บาท หรือหากมาเป็นหมู่คณะ
สามารถติดต่อเช่าเรือเหมาลำจากทางรีสอร์ทได้
โดยจะขึ้นเรือจากท่าน้ำหน้ารีสอร์ทกันเลย
วัดอัมพวันเจติยาราม :
Wat Amphawan Chetiyaram Temple
วัดของตระกูลราชินิกุลบางช้าง อยู่ใกล้กันกับอุทยาน ร.๒ และตลาดน้ำอัมพวา
สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 หลังวัดแห่งนี้เคยเป็นนิวาสสถานเก่าของหลวงยกกระบัตร
(พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) และ คุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่
1) และเป็นสถานที่พระราชสมภพของรัชกาลที่ 2 เชื่อกันว่าบริเวณพระปรางค์ของวัดอัมพวันเจติยาราม
เดิมเป็นเรือนที่คุณนาคใช้เป็นที่คลอดคุณฉิมบุตรชาย ซึ่งต่อมาได้เป็น
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเดินทางจากรีสอร์ทเพียง
8.6 km หรือ 15 นาที
อุทยาน รัชกาลที่ 2 (สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
: King Rama II Memorial Park
พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
อยู่ติดกับวัดอัมพวันฯ และตลาดน้ำอัมพวา ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยหลัง
แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ เช่น หอกลาง ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 2 และจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุสมัยต้นรัตนโกสินทร์
เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องถ้วย หัวโขน ห้องชาย
จัดแสดงให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของชายไทยที่มีความกล้าหาญ
มีพระพุทธรูปสำหรับบูชา
รวมทั้งแท่นพระบรรทมซึ่งเชื่อว่าเป็นของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ห้องหญิง แสดงให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของหญิงไทยโบราณ โต๊ะเครื่องแป้ง คันฉ่อง
ชานเรือน จัดแสดงตามแบบบ้านไทยโบราณ ตกแต่งด้วยกระถางไม้ดัด ไม้ประดับ
ห้องครัวและห้องน้ำ จัดแสดงลักษณะครัวไทยมีเครื่องหุงต้ม
ถ้วยชามและห้องน้ำของชนชั้นกลาง
ค่ายบางกุ้ง :
Bang Kung Camp
ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลบางกุ้ง
อำเภอบางคนที
เมื่อมาถึงบริเวณค่ายจะมองเห็นแนวกำแพงจำลองสร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์จากการ สู้รบ
ค่ายแห่งนี้เป็นค่ายทหารเรือไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ หลังจากเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่
2 เมื่อ พ.ศ. 2310
สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ได้โปรดให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ตำบลบางกุ้ง
เรียกว่า ค่ายบางกุ้ง
เนื่องจากเมืองแม่กลองเป็นเส้นทางที่กองทัพพม่าใช้ในการเดินทัพ
โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่ายเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและ
เป็นที่เคารพบูชาของทหาร พระเจ้าตากสินมหาราชได้โปรดให้คนจีนจากระยอง ชลบุรี
ราชบุรีและกาญจนบุรีรวบรวมผู้คนมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่าย
ค่ายนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนี่งว่า “ค่ายจีนบางกุ้ง” พระองค์ทรงให้ชื่อทหารเหล่านี้ว่า
“ทหารภักดีอาสา”
ในปี พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงอังวะทรงยกทัพผ่านกาญจนบุรี มาล้อมค่ายจีนบางกุ้ง
พระเจ้าตากสินมหาราชและพระมหามนตรี (บุญมา)
ร่วมรบขับไล่กองทัพพม่าทำให้ข้าศึกแตกพ่าย
นับเป็นค่ายทหารไทยที่สร้างความเกรงขามให้กองทัพพม่า
สร้างขวัญกำลังใจให้คนไทยกลับคืนมา และเป็นสงครามครั้งแรกที่ไทยทำกับพม่าหลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ค่ายบางกุ้งแห่งนี้ถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 200 ปี จนมาถึงปี พ.ศ. 2510 กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ตั้งเป็นค่ายลูกเสือขึ้น
เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระเจ้าตากสินมหาราช และได้สร้างศาลพระเจ้าตากสินไว้เป็นอนุสรณ์
โดยทำพิธียกศาลเมื่อวันที่ 20
มิถุนายน พ.ศ. 2511 ภายในบริเวณค่ายยังมีโบสถ์ที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
ชาวบ้านเรียกว่า “โบสถ์หลวงพ่อดำ”
มีลักษณะพิเศษคือ
โบสถ์ทั้งหลังปกคลุมด้วยด้วยต้นไม้ถึงสี่ชนิด คือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร ต้นกร่าง
ชาวบ้านเรียกว่าโบสถ์ปรกโพธิ์และไม่ไกลนักเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์สมเด็จ
พระเจ้าตากสินมหาราช
อาสนวิหารแม่พระบังเกิด : The Church of the Virgin Mary
โบสถ์นี้เป็นสถานที่สักการะอันศักดิ์สิทธิ์ของคริสต
ชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890) โดยบาทหลวงเปาโลซัลมอน มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส
ได้รับทุนสนับสนุนจากญาติพี่น้องของท่านในประเทศฝรั่งเศส
คณะมิซซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส กรุงโรมและผู้ใจบุญในกรุงเทพฯ ใช้เวลาสร้างถึง 6 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์
ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคของประเทศฝรั่งเศส ฉาบด้วยปูนตำ
ภายในประดับด้วยภาพกระจกสีสวยงดงาม มีรูปปั้น ธรรมาสน์เทศน์ อ่างล้างบาป
ขาเทียนลักษณะต่างๆ และรูปแกะสลักบรรยายเกร็ดประวัติในพระคัมภีร์คริสตศาสนา
นับเป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามไม่ไกลจากริมฝั่งแม่น้ำ
การเข้าชมควรติดต่อขออนุญาตจากบาทหลวงผู้รับผิดชอบก่อนล่วงหน้า
เพื่อติดต่อวิทยากรบรรยาย โทร. 0
3476 1347
ดอนหอยหลอด :
Don Hoi Lot
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด
สมุทรสงคราม เป็นสันดอนตั้งอยู่ปากแม่น้ำแม่กลอง เกิดจากการตกตะกอนของดินปนทราย
หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ทรายขี้เป็ด”
ดอนหอยหลอดมีอาณาบริเวณกว้างประมาณ 3 กิโลเมตร ยาว 5 กิโลเมตร
ครอบคลุมพื้นที่ 2 แห่ง แห่งแรก ได้แก่ ดอนนอก อยู่บริเวณปากอ่าวแม่กลอง เดินทางไปได้โดยทางเรือ
ดอนใน อยู่ที่ชายหาดหมู่บ้านฉู่ฉี่ ตำบลบางจะเกร็ง และอีกแห่งคือ
ชายหาดหมู่บ้านบางบ่อ ตำบลบางแก้ว สามารถเดินทางไปได้โดยทางรถยนต์
บริเวณสันดอนมีหอยอาศัยอยู่หลายชนิด ได้แก่ หอยหลอด หอยลาย หอยปุก หอยปากเป็ด
หอยแครง แต่พบว่าหอยหลอดเป็นหอยที่มีจำนวนมากที่สุด
จึงเป็นจุดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้หอยหลอดเป็นหอยชนิด 2 ฝา ตัวสีขาวขุ่น
มีเปลือกคล้ายหลอดกาแฟ ฝังตัวอยู่ในเลน การจับหอยหลอด จะจับในช่วงน้ำลง
โดยใช้ไม้เล็ก ๆ ขนาดก้านธูป จุ่มปูนขาว แล้วแทงลงไปในรูหอยหลอด
หอยจะเมาปูนแล้วโผล่ขึ้นมาให้จับ ไม่ควรสาดปูนขาวลงบนสันดอน
เพราะจะทำให้หอยที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นตายหมด
ช่วงเวลาเหมาะสมที่จะท่องเที่ยวดอนหอยหลอด คือ ประมาณเดือนมีนาคม – พฤษภาคม
เพราะน้ำทะเลจะลดลงนานกว่าช่วงเวลาอื่น และสามารถมองเห็นสันดอนโผล่ขึ้นมา
ตลาดน้ำท่าคา : Thaka Floating
Market
ตลาดช่วงเช้า ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าคา อำเภออัมพวา
เป็นตลาดนัดทางน้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตชาวบ้าน
ซึ่งมีอาชีพทำสวนปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ชาวบ้านจะพายเรือนำผลผลิต พืชผักและผลไม้จากสวน
เช่น พริก หอม กระเทียม น้ำตาลมะพร้าว ฝรั่ง มะพร้าว ชมพู่
ส้มโอมาขาย-แลกเปลี่ยนกัน เฉพาะในวันขึ้นหรือแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ 12 ค่ำ (ทุก ๆ 5 วัน)
ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00 – 11.00 น.
ตลาดร่มหุบ :
Railway Fresh Market
ตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟแม่กลอง
อำเภอเมือง ตลาดหุบร่มหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ตลาดเสี่ยงตาย หรือตลาดริมทางรถไฟ
ตั้งขายอยู่ริมทางรถไฟใกล้สถานีรถไฟแม่กลอง ความยาวของตลาดประมาณ 100 เมตร บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะวางขายสินค้าบนพื้นจนติดกับรางรถไฟ
เวลารถไฟมาก็ต่างหุบร่มที่กางและเก็บสินค้าภายในพริบตา
จนเป็นที่มาของชื่อตลาดหุบร่มนั่นเอง สินค้าที่วางขายที่ตลาดแห่งนี้จะเป็นพวกผัก ผลไม้
เนื้อสัตว์ต่าง ๆ อาหารทะเลสด ๆ ขายกันในราคาไม่แพง
จึงเป็นตลาดยอดนิยมของชาวบ้านบริเวณนั้นเพราะราคาถูกและคุณภาพดี
ตลาดแห่งนี้เปิดขายทุกวันเวลา 6.00-18.00
น. เวลารถไฟวิ่งผ่านตลาดหุบร่ม วันละ 8 รอบ (โดยประมาณ)
ดังนี้ 06.20, 08.30, 09.00,
11.10, 11.30, 14.30, 15.30 และ 17.40 น.
แฝดสยาม อิน-จัน :
Siamese Twin
สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่ฝาแฝดสยามอิน-จันที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยไปทั่วโลก
ภายในบริเวณเป็นลานกว้างประดับด้วยต้นไม้ดอกไม้
อนุสรณ์แฝดสยามอิน-จันตั้งอยู่กลางลาน ด้านหน้ามีสระน้ำขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมีอาคารโถงจัดแสดงชีวประวัติของแฝดสยามอิน-จัน “แฝดสยามอิน-จัน” เกิดที่จังหวัดสมุทรสงครามเมื่อวันที่
11 พฤษภาคม พ.ศ. 2354
(ค.ศ. 1811) ประมาณปี พ.ศ. 2371-2372 (ค.ศ. 1828-1829) กัปตันคอฟฟินและฮันเตอร์เดินทางมาติดต่อการค้าที่แม่กลอง
พบฝาแฝดคู่นี้จึงขอนำกลับไปอเมริกาและอังกฤษ เพื่อเปิดการแสดงในที่ต่างๆ
เรื่องราวชีวิตของแฝดสยามอิน-จัน
ฝาแฝดที่มีร่างกายท่อนบนติดกันและสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปกติยาวนานจน ถึงอายุ 63 ปี
ได้รับการกล่าวขานทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในชื่อ “Siamese Twin”
วัดเพชรสมุทรวรวิหาร :
Wat Phet Samut Worawiharn Temple
หลวงพ่อบ้านแหลม ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อวัดบ้านแหลมเป็น
พระพุทธรูปสำคัญองค์ หนึ่งของไทย
ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ศูนย์รวมศรัทธาและที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวแม่กลองแห่ง
สมุทรสงครามเท่านั้น แต่ยังเป็นที่เคารพสักการะอย่างกว้างขวางของชาวไทยทุกสารทิศมานานนับสมัยจน
ถึงกับมีคำกล่าวว่า
หากไม่ได้มานมัสการหลวงพ่อวัดบ้านแหลมก็เสมือนมาไม่ถึงเมืองสมุทรสงคราม
เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะปิดทองหลวงพ่อบ้านแหลม
แล้วจะช่วยเสริมอำนาจบารมีแก่ชีวิต บังเกิดแต่ความเป็นสิริมงคลสืบไป หากใครอธิษฐานของพรหลวงพ่อไว้ในเรื่องใดก็มักจะได้สมความปรารถนาและมักจะ
กลับมาแก้บนหลวงพ่อด้วยละครรำ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่ท่านโปรดปราน
บ้านครูเอื้อ…อัมพวา :
Baan Kroo Uea Amphawa
ก่อตั้งโดยมูลนิธิสุนทราภรณ์
โดยการนำอาคารไม้โบราณ ริมคลองอัมพวา อันเป็นถิ่นกำเนิดของครูเอื้อ สุนทรสนาน
เมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการประวัติผลงานของครูเอื้อ
ศูนย์รวมข้อมูลสำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจค้นคว้าเรื่องราวของเพลงสุนทราภรณ์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
เปิดให้แฟนเพลงเข้าไปนั่งฟังเพลง ค้นคว้า อ่านหนังสือ
นอกจากนี้ยังแสดงของใช้ส่วนตัวของครูเอื้อ และภาพเก่า ๆ ที่หาชมได้ยาก
รวมทั้งจำหน่ายของที่ระลึกและผลงานเพลงของครูเอื้อ สุนทรสนาน
สถานที่แห่งนี้ยังนับเป็นส่วนหนึ่งใน “โครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นชาวอัมพวา” ของมูลนิธิชัยพัฒนา
ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ อีกด้วย
ที่มา http://www.baansiriporn.com/local-attraction/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น